ทุบกำแพงช่วยตัวเงินตัวทอง เจ้าของบ้านเตรียมเอาเลขที่บ้านไปเสี่ยงโชค
เจ้าของบ้านตัดสินใจให้เจ้าหน้าที่ทุบกำแพงเพื่อช่วยเหลือเจ้าตัวเงินตัวทอง
ที่พลัดตกลงไปในซอกกำแพง เชื่อมาให้โชคช่วงใกล้หวยออก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองวิเชียรบุรี ต.ท่าโรง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือให้ไปช่วยจับตัวเงินตัวทอง ที่พลัดตกลงไปอยู่ในซอกกำแพงรั้วกับฝาผนังบ้าน ที่บ้านเลขที่ 933-934 ชุมชนบุษราคัมก้าวหน้า หมู่ 13 ต.ท่าโรง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์
จึงจัดกำลังคนพร้อมเตรียมอุปกรณ์จับสัตว์เลื้อยคลาน เดินทางไปให้ความช่วยเหลือ เมื่อเดินทางไปถึงพบนางปภาดา ปานนิล อายุ 46 ปี เจ้าของบ้าน กำลังยืนรอด้วยความตกใจ พร้อมทั้งพาเจ้าหน้าที่ไปยังจุดที่พบตัวเงินตัวทองพลัดตกลงไป จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ จึงใช้บ่วงที่เตรียมมาหย่อนลงไปเพื่อจะคล้องคอ เจ้าตัวเงินตัวทองขึ้นมาจากซอกกำแพง แต่ก็ไม่สำเร็จ และยิ่งทำให้เจ้าตัวเงินตัวทองตื่นวิ่งหลบไปมาลึกเข้าไปอีก จนเวลาผ่านไปประมาณกว่า 2 ชั่วโมง ด้วยความสงสาร เจ้าของบ้านจึงได้ตัดสินใจให้เจ้าหน้าที่ทุบกำแพงรั้วบ้าน เพื่อเอาเจ้าตัวเงินตัวทองออกมา แทงหวยลาว และหลังจากทุบกำแพงจนเห็นตัวแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันจับด้วยมือเปล่าและช่วยกันดึงออกมาจนสุดกำลัง แต่ก็ยังไม่สำเร็จ จึงได้เปลี่ยนวิธีโดยใช้บ่วงคล้องคอแล้วค่อยๆ ดึงออกมาจนสำเร็จ รวมใช้เวลาไปเกือบ 3 ชั่วโมง โดยวัดขนาดความยาวได้ประมาณกว่า 1 เมตร น้ำหนักประมาณ 4-5 กิโลกรัม จากนั้นจึงนำใส่ถุงปุ๋ยเพื่อไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ ด้าน นางปภาดา ปานนิล เจ้าของบ้าน เล่าว่า ขณะที่ตนกำลังทำงานอยู่ที่ทำงาน ลูกชายได้โทรศัพท์มาบอกว่า มีตัวเงินตัวทองไต่อยู่บนกำแพงเหมือนจะเข้ามาในบ้าน
ตนจึงได้รีบขับรถจากที่ทำงาน ซึ่งห่างจากบ้านประมาณ 5 กิโลเมตร มาดู แต่ปรากฏว่าตัวเงินตัวทองตัวดังกล่าว ได้พลัดตกลงไปอยู่ในซอกกำแพงบ้านแล้ว ตนจึงโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองวิเชียรบุรี ให้มาช่วยจับตัวเงินตัวทองดังกล่าวไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติต่อไป ส่วนในเรื่องความเชื่อนั้น ตนเชื่อว่าตัวเงินตัวทองบุกเข้าบ้านใกล้วันหวยออกอย่างนี้ ไม่น่าจะมีอะไร นอกจากจะมาให้โชคอย่างแน่นอน และก็ไม่พลาดที่จะนำเอาเลขที่บ้านไปเสี่ยงโชค ในงวดวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่จะถึงนี้ เพื่อหวังจะนำเงินมาซ่อมกำแพงบ้านที่ทุบพังไป
โชเฟอร์สาว ขับรถพ่วง 22 ล้อ แหกโค้งคว่ำหน้าศาลปู่โทน ดวงแข็งรอด
โชเฟอร์สาววัย 35 ปี ขับรถพ่วง 22 ล้อ บรรทุกไม้อัดจากอุดรธานี มุ่งหน้าแหลมฉบัง เจออาถรรพณ์ศาลปู่โทน ถนนสาย 304 ปราจีนบุรี แหกโค้งพลิกคว่ำตัวอัดติดในรถ กู้ภัยงัดอยู่กว่า 1 ชั่วโมง ออกมารอดปลอดภัย แทบไร้ริ้วรอย เวลา 10.00 น.วันที่ 30 ม.ค. 64 ร.ต.อ.ติพล วาดโคกสูง รอง สว.(สอบสวน) สภ.วังขอนแดง รับแจ้งเหตุรถบรรทุกพ่วงตู้คอนเทนเนอร์ 22 ล้อ แหกโค้งชนแนวกั้นคอนกรีตสะพานต่างระดับ ช่วงโค้งหักศอกทางลงเขาหน้าศาลโทน ถนนสาย 304 ช่วง อ.วังน้ำเขียว-กบินทร์บุรี กม. 209 หมู่ 8 บ้านวังใหม่ ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ในที่เกิดเหตุมีผู้ขับขี่ติดในซากรถ 1 ราย
หลังรับแจ้งพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงนาดี หน่วยกู้ชีพมูลนิธิสัจจพุทธธรรมแห่งประเทศไทย (กบินทร์บุรี) เดินทางไปที่เกิดเหตุ พบรถบรรทุกพ่วงตู้คอนเทนเนอร์ สแกนเนีย รุ่น G 360 สีน้ำเงิน ทะเบียนตัวแม่ 72-3663 สมุทรปราการ ตัวพ่วง ทะเบียน 72-7898 สมุทรปราการ บรรทุกแผ่นไม้อัดเต็มคันรถ เสียหลักแหกโค้งลงมาจากทางลงเขา ลาดชัน และโค้งหักศอก ตั้งแต่หน้าศาลโทน พลิกคว่ำ อยู่เลนขวา กีดขวางการจราจร 2 ช่องจราจร jetsada365 ชนอัดติดกับแนวกั้นคอนกรีตสะพานต่างระดับ ขณะที่ด้านล่างเป็นเหวลึก ส่งผลทำให้ตู้คอนเทนเนอร์ครูดมาตามแนวกั้นสะพานได้รับความเสียหายเป็นแนวยาวร่วม 100 เมตร บริเวณหน้ารถ ชนอัดติดกับแนวคอนกรีตพังยับ ภายในซากรถ พบคนขับขี่ติดคาซาก เป็นหญิงสาวทราบชื่อ น.ส.วลัยพร โพธิพูล อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 382/2 หมู่ 2 ต.บึงพระ อ.เมือง จ.พิษณุโลก เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฯใช้เครื่องตัดถ่างงัดร่างออกจากตัว ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง พบได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย และให้หน่วยกู้ชีพนำส่ง รพ.นาดี เพื่อให้แพทย์รับรักษาต่อไป
สอบถามนายละมัย ดวงเดือน อายุ 48 ปี เพื่อนร่วมทาง และขับรถบริษัทเดียวกัน ซึ่งขับตามกันมา เผย บรรทุกไม้อัดมาจากโรงงาน จ.อุดรธานี นำไปส่งที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี มาด้วยกัน 3 คัน คันที่เกิดเหตุมีผู้หญิงเป็นคนขับ ขณะที่วิ่งตามกันมา ถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นทางลงเขา ลาดชัน รถได้เสียหลักแหกโค้งและชนแนวกั้นสะพาน ส่วนคนขับรอดตายอย่างหวุดหวิด ขณะที่เจ้าหน้าที่ทางหลวงนาดี กล่าวว่า จุดตรงนี้ มักจะเกิดอุบัติเหตุในลักษณะนี้แทบทุกวัน เป็นจุดที่เกิดเหตุซ้ำซาก จนทำให้แนวกั้นสะพานได้รับความเสียหายทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งก่อนหน้านี้ ห่างกันแค่วันเดียวก็เกิดอุบัติเหตุตรงนี้ ส่วนสาเหตุคาดว่ารถน่าจะมาวิ่งด้วยความเร็ว และคนขับไม่ชำนาญเส้นทาง
Comentarios